KM-องค์ความรู้ เรื่อง การติดตามการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ตามที่ตั้งแปลง ปี 2567/68 จังหวัดพิจิตร

943016total visits,408visits today
943016total visits,408visits today
สถานการณ์และความเป็นมา
เมื่อปี 2563 – 2565 ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (covid-19) ทำให้สินค้าเกษตรไม่สามารถจำหน่ายได้ตามปกติ กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้มีนโยบายการสร้างช่องทางการช่วยเกษตรนำสินค้าที่ดีมีมาตรฐานมาลงขายผ่านช่องทางเว็บไซต์ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com ของกรมเสริมการเกษตร ซึ่งสินค้าที่จะนำมาลงขายจะต้องได้มาตรฐานการผลิต เช่น อย. OTOP GAP Organic Thailand เป็นต้น นำสินค้าของเกษตรกรในแต่ละอำเภอด้วยขั้นตอนการ ดำเนินการประชาสัมพันธ์ รับสมัคร จัดทำข้อมูลนำเสนอผ่านคณะกรรมการนำข้อมูลของเกษตรกรบันทึกในระบบในเว็บไซต์ตลาดเกษตรออนไลน์.com โดยไม่ใช้งบประมาณของภาครัฐเลย โดยใช้กลไกระบบส่งเสริมการเกษตร ของกรมส่งเสริมการเกษตร ผ่านคณะกรรมการตลาดเกษตรกรออนไลน์ระดับจังหวัด เพื่อพิจารณาอนุมัติ และดำเนินการบันทึกเข้าระบบเว็บไซต์ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com
ซึ่งทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการทำงานเชิงพื้นที่แบบท้าทาย (Challenge) ซึ่งข้าพเจ้าได้กำหนดเป็นกลยุทธ์ในการปฏิบัติงานในรอบที่ 2 ของปี 2565ผลการปฏิบัติงาน ซึ่งข้อมูลจากเดิมมีสินค้าขายในนามจังหวัดพิจิตร ตั้งแต่ เมษายน 2563 เพียง 8 ชนิดสินค้า เกษตรกร 8 ราย เท่านั้น แต่ต่อมาในปี 2565 ข้าพเจ้าได้นำกลยุทธ์ดังกล่าวมาขับเคลื่อนทำให้เกิดสินค้าเพิ่มขึ้นอีก จำนวน 24 สินค้า และในปี 2566 – ปัจจุบัน (18 กุมภาพันธ์ 2566) ผลการประชาสัมพันธ์ให้มีการรับสมัครเกษตรกรนำสินค้ามาขายในช่องการตลาดเกษตรกรออนไลน์.com ของกรมส่งเสริมการเกษตร และกำหนดเป็นตัวชี้วัดอำเภอละ 1 ชนิดสินค้า เป้าหมาย จำนวน 12 อำเภอ นำสินค้าที่มีคุณภาพ และใบรับรองมาตรฐาน ผ่านกลไกการทำงานระดับอำเภอและระดับจังหวัด ครบ 12 อำเภอ เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 2566 ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มรายได้มีรายได้รวมเฉลี่ย 1,000,000 ต่อเดือน เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยรายละ 30,000 บาทต่อรายต่อเดือน ซึ่งจะมีการสอบถามยอดการจำหน่ายกับเกษตรกรและนำมาบันทึกในระบบเว็บไซต์ตลาดเกษตรออนไลน์.com ทุกวันที่ 1 และวันที่ 16 ของทุกเดือน ส่งผลทำให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิมที่มีการไปซื้อที่ตลาด จากการวิเคราะห์ทำให้ทราบว่า ปัจจุบันผู้บริโภคมักจะมีการศึกษาข้อมูลสินค้าที่ต้องได้มาตรฐาน และมุ่งเน้นสินค้าที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เนื่องจากโรคภัยที่เกิดจากสาเหตุจากอาหารที่กินเข้าไปมักไม่ได้มาตรฐาน และมีการใส่สารกันเสียที่สูงเกินมาตรฐานส่งผลให้ผู้บริโภคเป็นโรคมะเร็งกันเป็นจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสสำหรับสินค้าเกษตรที่ดี มีคุณภาพ ต่อผู้บริโภคเป็นที่ต้องการสูงและมีการซื้อผ่านระบบออนไลน์ทำให้เกิดความสะดวกและรวดเร็ว ตอบสนองต่อผู้บริโภคที่ดี เนื่องจากปัจจุบันระบบ logistics มีระบบติดตามสถานะของการขอส่งแบบออนไลน์และรวดเร็วนั้นเอง ซึ่งภาพรวม สินค้าที่ขายดี
ผลการดำเนินการในปี 2566 ข้อมูล ณ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566
มีการเพิ่มสินค้าที่ดีมีคุณภาพเพิ่มในเว็บไซต์ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้กำหนดให้ทุกจังหวัดดำเนินการเพิ่ม อย่างน้อย 4 ชนิดสินค้า แต่เนื่องจากสำนักงานเกษตรได้ดำเนินการเชิงกลยุทธ์ในการกำหนดเป็นตัวชี้วัดและลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์อย่างจริงใจ ทำให้มีการเพิ่มสินค้าเกษตรได้ทุก 12 อำเภอ เป็นจำนวน 55 ชนิดสินค้า เกษตรกร จำนวน 14 ราย
ผู้เขียน/เรียบเรียง นายเผ่าพงษ์ กิ่งกาหลง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ กลุ่มยุทธศาตร์และสารสนเทศ สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร เบอร์โทรศัพท์ 0803421509
943016total visits,408visits today
สถานการณ์ข้อมูลการวาดแปลงนระบบวาดผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล ของจังหวัด ปี 2566
ในปี 2566 สถานการณ์ข้อมูลการวาดแปลงของจังหวัดพิจิตร รอบที่ 1/2566 ได้ดึงข้อมูลแปลงที่ยังไม่ได้วาดแปลงในระบบวาดผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัลของจังหวัดพิจิตรทั้งหมด มีจำนวน 71,670 แปลง สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร จึงได้มีมติในที่ประชุมเกษตรอำเภอ จึงได้กำหนดให้มีการวาดแปลงให้ได้ร้อยละ 100 มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อตรวจสอบและป้องกันการแจ้งซ้ำซ้อนกับแปลงอื่น ซึ่งมีข้อมูลที่สนับสนุนคือ มีแปลงที่แจ้งซ้ำซ้อน ปี 2564 จำนวน 155 แปลง และปี 2565 จำนวน 53 แปลง มีแนวโน้มลดลงถึง 102 แปลง คิดเป็นร้อยละ 65.81 (2) ป้องกันเกษตรกรแจ้งข้อมูลการเพาะปลูกอันเป็นเท็จข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ เนื่องจากไม่ได้มีการเพาะปลูกจริง ซึ่งมีข้อมูลที่สนับสนุนคือ ในปี 2564 พบว่ามีเกษตรกร 4 ราย แจ้งเท็จในการเพาะปลูกข้าว และถูกดำเนินคดีทั้ง 4 ราย ส่งผลทำให้ในปี 2565 ได้มีแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง จึงได้นำการประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS ในกระบวนการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ปี 2565 ทำให้ไม่พบว่ามีเกษตรกรแจ้งการเพาะปลูกเท็จ เนื่องจากต้องแนบภาพถ่ายพร้อมระบุพิกัดค่า GPS ทำให้ทราบว่าทำให้เจ้าหน้าที่สามารถอ่านข้อมูลได้ชัดเจนและมีภาพถ่ายยืนยันการเพาะปลูกพืชอะไร พร้อมระบุพิกัด GPS วัน เดือน ปี ที่ถ่ายภาพ สามารถนำข้อมูลนำไปใช้ในการคำนวณอายุพืช ซึ่งต้องมีการงอกแล้ว 15 วันขึ้นไป ได้อย่างแม่นยำ ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง และมีการแรงเสริมจากนโยบายของท่านเกษตรจังหวัดพิจิตรและเกษตรอำเภอทุกอำเภอให้มีการวาดแปลงในระบบวาดผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล ให้ได้ร้อยละ 100 ในทุกแปลงของจังหวัดพิจิตร ซึ่งในช่วงตัวชี้วัดการปฏิบัติราชการ 1/2566 กำหนดค่าคะแนนสูงสุดที่ 5 คะแนน อำเภอต้องดำเนินการวาดแปลงให้ได้มากกว่าร้อยละ 40 และในช่วงตัวชี้วัดการปฏิบัติราชการ 2/2566 กำหนดค่าคะแนนสูงสุดที่ 5 คะแนน อำเภอต้องดำเนินการวาดแปลงให้ได้มากกว่าร้อยละ 100 ขึ้นไป
การติดตามประเมินผล และ การจัดทำ R2R
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 นายสามารถ เดชบุญ เกษตรจังหวัดพิจิตร มอบหมายให้ นายเผ่าพงษ์ กิ่งกาหลง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ กลุ่มยุทธศาตร์และสารสนเทศ ลงพื้นที่สำนักงานเกษตรอำเภอโพทะเล เพื่อดำเนินการจัดทำ R2R ชื่อเต็ม คือ “Routine to Research” ซึ่งความหมายของ R2R คือ “การพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย” ในเรื่อง ปัจจัยแห่งความสำเร็จในการวาดแปลงในระบบวาดผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล อำเภอโพทะเลจังหวัดพิจิตร ซึ่งสรุปได้ดังนี้
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ 5 ข้อ
ผู้เขียน/เรียบเรียง นายเผ่าพงษ์ กิ่งกาหลง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ กลุ่มยุทธศาตร์และสารสนเทศ สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร เบอร์โทรศัพท์ 0803421509
943016total visits,408visits today
ความเป็นมา
ข้อมูลพื้นที่ผลิตมะม่วงของจังหวัดพิจิตร จากข้อมูลการคาดการณ์ผลผลิตจากหน่วยงานระดับอำเภอมีอยู่ประมาณ 30,000 กว่าไร่ อยู่ในอำเภอสากเหล็กประมาณ 20,000 ไร่ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (โควิด-19) เนื่องจากมีการปิดตลาด การส่งออกสะดุดมาตั้งแต่ปี 2562 – 2564 ในช่วงต้นปี 2565 ภาครัฐได้มีมาตรการช่วยเหลือด้วยการออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ปลูกมะม่วง แต่ยังไม่ทั่วถึงเกษตรกรที่รับผลกระทบ เนื่องจากมีเกษตรกรเข้าเงื่อนไขโครงการช่วยเหลือจำนวนน้อย เนื่องจากเกษตรกรปลูกมะม่วงไม่มาแจ้งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรกับสำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ใกล้บ้านตามที่ตั้งแปลงปลูก ซึ่งในปี 2565-ปัจจุบัน ได้ดำเนินการถอดบทเรียน และหาแนวทางการแก้ไขให้ตรงจุด จำนวน 3 เวที รายละเอียดดังนี้
เวทีที่ 1 วันที่ 21 สิงหาคม 2565 ท่านนราพัฒน์ แก้วทอง อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้อมด้วยนายสามารถ เดชบุญ เกษตรจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยหัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารเทศ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร เกษตรอำเภอวังทรายพูน เกษตรอำเภอสากเหล็ก พร้อมด้วย ประชุมหาแนวทางพัฒนามะม่วงส่งออกของจังหวัดพิจิตร ซึ่งมีพื้นที่ปลูกประมาณ 30,000 ไร่ ผลผลิตประมาณ 30,000 ตัน โดยจะเพิ่มผลผลิตที่ได้คุณภาพให้ได้ร้อยละ 60 ในปี 2566 ในรูปแบบประชารัฐ โดยประชาชนและภาครัฐร่วมมือในการแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างจริงใจ ด้วยข้อมูลที่เป็นจริงในพื้นที่ ร่วมทำงานด้วยความจริงจัง ตอบสนองงานด้วยความจริงใจ ได้แก่ 1. เกษตรกรผู้ผลิต 2. ผู้ส่งออกไปยังต่างประเทศ และ 3. หน่วยงานภาครัฐของจังหวัดพิจิตร ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลวังทับไทร อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร
เวทีที่ 2 วันที่ วันที่ 4 มกราคม 2565 นายสามารถ เดชบุญ เกษตรจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยหัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิตและเกษตรอำเภอสากเหล็ก เกษตรอำเภอเมืองพิจิตร จนท.อำเภอวังทรายพูน ตะพานหิน และจนท.ที่เกี่ยวข้อง ประชุมชี้แจงแนวทางการจัดเก็บข้อมูลประมาณการผลผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วง มะยงชิดและมะปราง ฤดูการผลิต ปี 2566 (ช่วงเก็บเกี่ยวเดือนกุมภาพันธ์ 2566 – เมษายน 2566) ให้มาขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร(ทบก.) ให้เป็นปัจจุบัน ณ ห้องประชุมสำนักงานเกษตรอำเภอสากเหล็ก อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร และประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วง มะยงชิด และมะปราง ปี 2566 ขอให้ดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน ณ สำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้าน ต้ั้งแต่บัดนี้ – 13 มกราคม 2566 เพื่อรวบรวมข้อมูลส่งผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องนำไปเป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรต่อไป
เวทีที่ 3 วันที่ 12 มกราคม 2566 นายสามารถ เดชบุญ เกษตรจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วย นายพิชัย เมืองมัจฉา พาณิชย์จังหวัดพิจิตร นายสายันต์ บุญยิ่ง นายกสมาคมชาวสวนมะม่วงไทย นายชัยธวัช ชูศรี หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต นางขวัญกมล จันทร์มาทอง เกษตรอำเภอสากเหล็ก นายสมัย คำลือชา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังทับไทร ประธานและสมาชิกแปลงใหญ่ 2 แปลง ได้แก่ แปลงใหญ่ตำบล วังทับไทร และแปลงใหญ่ตำบลคลองทราย และสมาชิกแปลงใหญ่ อำเภอสากเหล็ก เข้าร่วมประชุมเตรียมการแก้ไขปัญหามะม่วงที่จะออกจำนวนมากในช่วงปลายเดือนมีนาคม – เมษายน 2566 ประมาณ 12,000 ตัน ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลวังทับไทร อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร สรุปแนวทางการเตรียมการแนวทางการแก้ไขปัญหาผลผลิตออกมากระจุกตัวมากที่สุดในช่วงเดือนเมษายน 2566 จำนวน 3 ข้อ ดังนี้
1. ออกประกาศจังหวัดพิจิตร งดการจำหน่ายมะม่วงอ่อน 2. ขอความร่วมมือเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงให้มาขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ที่สำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้านให้เป็นข้อมูลปัจจุบันเพื่อจะทำให้หน่วยงานราชการทราบปริมาณผลผลิตจะออกในประมาณเท่าไหร่ และจะได้หาแนวทางระบายผลผลิตตามช่องทางต่างได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์จากภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ 3. ขอความช่วยเหลือจากภาครัฐในการขอรับการสนับสนุนเงินชดเชยไร่ละ 2,500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยการผลิตที่ต้นทุนสูงและประสบปัญหาด้านการส่งออกได้น้อย คาดการณ์ราคาขายเฉลี่ย 15 บาท/กิโลกรัม หรือ 15,000 บาทต่อตัน จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่า 450 ล้านบาท
ผู้เขียน/เรียบเรียง นายเผ่าพงษ์ กิ่งกาหลง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ กลุ่มยุทธศาตร์และสารสนเทศ สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร เบอร์โทรศัพท์ 0803421509
943016total visits,408visits today
การประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS ในกระบวนการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ปี 2565 กระบวนการดังนี้
1. ปัญหา/สาเหตุ/ที่มาของการให้บริการ
ในปี 2564 สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร ได้ดำเนินโครงการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร พบว่ามีปัญหาในการดำเนินการ ดังนี้ 1. ไม่มีหลักฐานภาพถ่าย เพื่อจะได้คำนวณอายุพืช ซึ่งต้องมีการงอกแล้ว 15 วันขึ้นไป จึงสามารถมาแจ้งปลูกได้ 2. ปัญหาเลขโฉนดที่ซ้ำกัน เนื่องมาจากมีการแบ่งเขตการปกครองใหม่ เช่น อำเภอสากเหล็กแยกออกจากอำเภอเมืองพิจิตร อำเภอบึงนารางแยกออกจากอำเภอบางมูลนาก อำเภอทับคล้อแยกตัวออกจากอำเภอตะพานหิน ทำให้เลขโฉนดซ้ำกันได้ 3. พื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการระบุพิกัด GPS เพื่อตรวจสอบและป้องกันการแจ้งซ้ำซ้อนกับแปลงอื่น 4. พบว่ามีเกษตรกรแจ้งเท็จ จำนวน 4 ราย เนื่องจากไม่ได้มีการเพาะปลูกจริง ข้อมูลพื้นฐานของจังหวัดพิจิตร มี 12 อำเภอ 88 ตำบล 897 หมู่บ้าน ประชากรมีจำนวน 202,448 ครัวเรือน 526,669 คน พื้นที่ 2,831,883 ไร่ (ที่มา: กรมการปกครอง ขอมูล ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2565) ในปี 2565 ข้อมูลเกษตรกรในฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตร มีจำนวน 85,639 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 68.17 ของประชากรทั้งหมด สมาชิกในครัวเรือน 178,985 คน คิดเป็นร้อยละ 33.98 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งเกษตรกรโดยเฉลี่ย 1 ครัวเรือน จะมีสมาชิก 2.09 คน พื้นที่ทำการเกษตร 2,355,854.18 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 83.20 ของพื้นที่ถือครองทั้งหมด พื้นที่ถือครองของเกษตรกรเฉลี่ย 25.57 ไร่/ครัวเรือน ซึ่งเดิมเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องจับพิกัด GPS ในการตรวจสอบพิกัดแปลงเฉลี่ยอำเภอละ 1 เครื่อง ปัญหาที่พบคือ 1. จำนวนเครื่องจับพิกัด GPS ไม่เพียงพอกับจำนวนของเกษตรตำบล 2. พิกัด GPS ที่เก็บมาได้มีบางส่วนเกิดความคลาดเคลื่อนจากกระบวนการส่งข้อมูล เนื่องจากมีการจดค่าพิกัด GPS ผ่านกระดาษมาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่บางคนอาจจะมีการอ่านค่าตัวเลขที่คลาดเคลื่อนได้ และไม่เห็นภาพการทำการเกษตร ณ เวลาที่มีการจับพิกัด GPS ดังนั้น สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร จึงต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยแนวคิดในพัฒนาการบริการให้เกิดประสิทธิภาพ ด้วยการประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS ในกระบวนการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ปี 2565 ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถอ่านข้อมูลได้ชัดเจนและมีภาพถ่ายยืนยันการเพาะปลูกพืชอะไร พร้อมระบุพิกัด GPS วัน เดือน ปี ที่ถ่ายภาพ สามารถนำข้อมูลนำไปใช้ในการคำนวณอายุพืช ซึ่งต้องมีการงอกแล้ว 15 วันขึ้นไป ได้อย่างแม่นยำ ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง เพื่อให้ภาครัฐสามารถนำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์ปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดและนำไปใช้ประโยชน์ในโครงการของภาครัฐต่อไป
2. การดำเนินการ (วิธีการ/รูปแบบ/จุดเด่นของผลงาน)
สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร ได้วิเคราะห์ปัญหาการดำเนินงาน และลงพื้นที่นิเทศงานตามระบบส่งเสริมการเกษตรให้ทราบปัญหาและข้อเสนอแนะในการทำงาน ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานโครงการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ในปี 2564 เพื่อปรับปรุงแก้ไข และได้นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาในการดำเนินงานโครงการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ในปี 2565
2.1 การประชุมชี้แจงทำความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างความรับรู้ ประชาสัมพันธ์ ให้คำแนะนำแนวทางการแก้ไขปัญหา จัดการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน รวมทั้งตั้งคณะทำงานนิเทศงานตามระบบส่งเสริมการเกษตร ปี 2565
2.2 การจัดทำแนวทางการปฏิบัติงานโครงการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ในปี 2565 จังหวัดพิจิตร
2.3 จัดทำการประชาสัมพันธ์การนำด้วยการประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS
ในกระบวนการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ปี 2565 ขับเคลื่อนผ่านเวทีประชุมเกษตรอำเภอประจำเดือน (MM)
2.4 สนับสนุนการทำงานด้วยงบประมาณโครงการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ในปี 2565 จังหวัดพิจิตรให้แต่ละอำเภอ
2.5 สนับสนุนการทำงานด้วยการประชุมชี้แจงการประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS ในกระบวนการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ปี 2565
2.6 มีการติดตามและประเมินผลงานด้วยการประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS
ในกระบวนการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ปี 2565
3. ผลผลิตและผลลัพธ์จากการดำเนินการ
3.1 เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ในปี 2565 จำนวน 90 ราย ไม่น้อยกว่า 80% มีการประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS ในกระบวนการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ปี 2565
3.2 ผู้นำมีความพึงพอใจในการประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS ในกระบวนการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ปี 2565 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95
4. ประโยชน์ต่อผู้รับบริการ/ประชาชน (ระบุข้อมูลเชิงประจักษ์)
เกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ในปี 2565 ข้อเชิงประจักษ์ ได้แก่ ภาครัฐได้นำข้อมูลเกษตรกรผู้ปลูกข้าวของจังหวัดพิจิตร เข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 รอบที่ 1 และและโครงการ และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/65 จำนวน 71,088 ครัวเรือน 1,735,246.49 ไร่ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ผลการโอนเงินตามนโยบายรัฐ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,542,186,944 บาท (ข้อมูลการโอนเงินจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2565) ทำให้เกษตรกรได้รับเงินช่วยเหลือรวดเร็ว เนื่องจากข้อมูล มีความถูกต้อง และสมบูรณ์
ผังการประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS ในกระบวนการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ปี 2565
ผังการประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS ในกระบวนการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ปี 2565 ดังนี้
(1) เกษตรกรแจ้งปลูก 15 วันหลังจากพืชงอกแล้ว พืช/พันธุ์ วันปลูก วันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว
รายได้/หนี้สิน เครื่องจักรกล แหล่งน้ำ ระบบเกษตรกรรมยั่งยืน
(2) เกษตรกรรายใหม่ แปลงใหม่หรือรายเดิม แปลงใหม่ ใช้บัตรประชาชน หลักฐานแสดงสิทธิการถือครองที่ดิน/สัญญาเช่า รูปภาพแอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อม ระบุพิกัดค่า GPS เลือกใช้ได้ 3 แอปพลิเคชั่น ได้แก่ แอปพลิเคชั่น Ling แอปพลิเคชั่น Timestamp Camera และแอปพลิเคชั่น Notecam
(3) เกษตรกรรายเดิม แปลงเดิมใช้เพียงบัตรประชาชน รูปภาพแอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS เลือกใช้ได้ 3 แอปพลิเคชั่น ได้แก่ แอปพลิเคชั่น Ling แอปพลิเคชั่น Timestamp Camera และแอปพลิเคชั่น Notecam
(4) ปรับปรงุผ่านระบบ 3 ระบบ ได้แก่ ระบบ e-form ระบบ Farmbook และเกษตรกรมาแจ้งที่สำนักงานเกษตรอำเภอ อาสาสมัครเกษตรกรหมู่บ้าน (อกม.) ช่วยจัดเก็บระหว่าง 1 ก.ค.-30 ส.ค.
(5) ฐานข้อมูลรับแจ้งจากเกษตรกรสู่การตรวจสอบด้วยระบบโปรแกรม ดำเนินการโดยตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล ของกรมการปกครอง ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ (นส.4) ของกรมที่ดิน ตรวจสอบทางสังคม โดยการติดประกาศรายชื่อ 3 วัน ตรวจสอบแปลงปลูก ด้วยภาพถ่ายดาวเทียม(วาดแปลง หรือตรวจสอบพื้นที่จริง)
(6) ฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกร 9 ด้าน ได้แก่ ข้อมูลพื้นฐานครัวเรือน ข้อมูลสมาชิกองค์กร การถือครองที่ดิน การประกอบกิจกรรมการเกษตร การเข้าร่วมโครงการภาครัฐ รายได้ หนี้สิน เครื่องจักรกลทางเกษตรแหล่งน้ำ
(7) รายงานพิมพ์สมุดทะเบียนเกษตรกรหรือดูผ่านระบบ FARMBOOK
(8) ประมวลผล ส่งให้ ธ.ก.ส. เพื่อประกอบการเข้าร่วมโครงการภาครัฐ ข้อมูลเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ เช่น อุทกภัย วาตภัย ภัยแล้ง เป็นต้น โครงการประกันภัยพืชผล
กระบวนการให้การบริการมีการเปลี่ยนแปลงหลังปรับปรุง/พัฒนาที่แตกต่างจากเดิม จาก 2564 – 2565
กระบวนการให้บริการมีการเปลี่ยนแปลงหลังปรับปรุง/พัฒนาที่แตกต่างจากเดิม ดังนี้
กระบวนการให้บริการจากเดิม (1) เกษตรกรแจ้ง 15 วัน หลังจากงอกแล้ว พืช/พันธุ์ วันปลูก วันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว รายได้/หนี้สิน เครื่องจักรกล แหล่งน้ำ ระบบเกษตรกรรมยั่งยืน (2) เกษตรกรรายใหม่ แปลงใหม่หรือรายเดิม แปลงใหม่ บัตรประชาชน หลักฐานแสดงสิทธิการถือครองที่ดิน/สัญญาเช่า (3) เกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม ใช้เพียงบัตรประชาชน
การเปลี่ยนแปลงหลังปรับปรุง (1) เกษตรกรแจ้ง 15 วัน หลังจากงอกแล้ว พืช/พันธุ์ วันปลูก วันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว รายได้/หนี้สิน เครื่องจักรกล แหล่งน้ำ ระบบเกษตรกรรมยั่งยืน (2) เกษตรกรรายใหม่ แปลงใหม่หรือรายเดิม แปลงใหม่ บัตรประชาชน หลักฐานแสดงสิทธิ การถือครองที่ดิน/สัญญาเช่า รูปภาพแอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อม ระบุพิกัดค่า GPS เลือกใช้ได้ 3 แอปพลิเคชั่น ได้แก่ แอปพลิเคชั่น Ling แอปพลิเคชั่น Timestamp Camera และแอปพลิเคชั่น Notecam (3) เกษตรกรรายเดิม แปลงเดิมใช้เพียงบัตรประชาชน
รูปภาพแอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS เลือกใช้ได้ 3 แอปพลิเคชั่น ได้แก่ แอปพลิเคชั่น Ling แอปพลิเคชั่น Timestamp Camera และแอปพลิเคชั่น Notecam
มีข้อมูลที่แสดงผลการเปรียบเทียบผลผลิตและผลลัพธ์ก่อนและหลัง
มีข้อมูลที่แสดงผลการเปรียบเทียบผลผลิตและผลลัพธ์ก่อนและหลัง ซึ่งก่อนจะมีการประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS ในกระบวนการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ปี 2565 พบว่า ในปี 2564(ก่อน) มีจำนวนแปลงซ้ำ จำนวน 155 แปลง และปี 2565(หลัง) จำนวน 53 แปลง สรุปได้ว่า มีแนวโน้มลดลงถึง 102 แปลง คิดเป็นร้อยละ 65.81
มีการจัดทำแผนการดำเนินการขยายผล ถอดบทเรียนพร้อมเผยแพร่ผ่านช่องทางต่างๆ
มีการจัดทำแผนการดำเนินการขยายผล ถอดบทเรียนพร้อมเผยแพร่ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้
(1) สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร ได้วิเคราะห์ปัญหาการดำเนินงาน และลงพื้นที่นิเทศงานตามระบบส่งเสริมการเกษตรให้ทราบปัญหา ถอดบทเรียน และหาข้อเสนอแนะในการทำงาน ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานโครงการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ในปี 2564 ไม่มีหลักฐานภาพถ่าย เพื่อจะได้คำนวณอายุพืช ซึ่งต้องมีการงอกแล้ว 15 วันขึ้นไป จึงสามารถมาแจ้งปลูกได้ ปัญหาเลขโฉนดที่ซ้ำกัน เนื่องมาจากมีการแบ่งเขตการปกครองใหม่ พื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการระบุพิกัด GPSพบว่ามีเกษตรกรแจ้งเท็จ
(2) การประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS ในกระบวนการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ปี 2565
(3) มีการถอดบทเรียนในปี 2564 จากเวทีนิเทศงานจากทุกอำเภอของจังหวัดพิจิตร มีแผนการขยายผลให้ครบทุกอำเภอในปี 2565 มีการจัดทำแผนการดำเนินการขยายผลลงสู่ทุกตำบล เผยแพร่ผ่านเวทีประชุมเกษตร อำเภอประจำเดือน และอำเภอได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ผู้นำชุมชนรับทราบและนำไปปฏิบัติ ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครเกษตรกรหมู่บ้าน และได้ขยายผลสู่กระบวนการตรวจสอบในระบบภัยพิบัติ เช่น กรณีน้ำท่วม ฝนแล้ง วาตภัย และหน่วยงานอื่นในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จังหวัดพิจิตร หน่วยงานราชการจังหวัดพิจิตร และมีการเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์
มีข้อมูลหรือการวัดผลผลิต ที่แสดงความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
มีข้อมูลหรือการวัดผลผลิต ที่แสดงความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ 2 ข้อ ได้แก่
(1) เพื่อตรวจสอบและป้องกันการแจ้งซ้ำซ้อนกับแปลงอื่น จากตารางและกราฟจะพบว่า มีแปลงที่แจ้งซ้ำซ้อน ปี 2564 จำนวน 155 แปลง และปี 2565 จำนวน 53 แปลง มีแนวโน้มลดลงถึง 102 แปลง คิดเป็นร้อยละ 65.81 (2) ป้องกันเกษตรกรแจ้งข้อมูลการเพาะปลูกอันเป็นเท็จข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ เนื่องจากไม่ได้มีการเพาะปลูกจริง ในปี 2564 พบว่ามีเกษตรกร 4 ราย แจ้งเท็จในการเพาะปลูกข้าว และถูกดำเนินคดีทั้ง 4 ราย ในปี 2565 ได้นำการประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS ในกระบวนการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ปี 2565 ทำให้ไม่พบว่ามีเกษตรกรแจ้งการเพาะปลูกเท็จเนื่องจากต้องแนบภาพถ่ายพร้อมระบุพิกัดค่า GPS ทำให้ทราบว่าทำให้เจ้าหน้าที่สามารถอ่านข้อมูลได้ชัดเจนและมีภาพถ่ายยืนยันการเพาะปลูกพืชอะไร พร้อมระบุพิกัด GPS วัน เดือน ปี ที่ถ่ายภาพ สามารถนำข้อมูลนำไปใช้ในการคำนวณอายุพืช ซึ่งต้องมีการงอกแล้ว 15 วันขึ้นไป ได้อย่างแม่นยำ ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง
การพัฒนาผลงานมีหลายขั้นตอน มีความยุ่งยากซับซ้อน
การพัฒนาผลงานมีหลายขั้นตอน มีความยุ่งยากซับซ้อน มีกระบวนการถ่ายทอดอบรมวิธีการใช้งานให้กับเจ้าหน้าที่เกษตรตำบล และเจ้าหน้าที่เกษตรกรลงพื้นที่อบรมการใช้งานให้กับผู้นำชุมชน ที่ต้องมีความพร้อมในด้านมือถือที่ต้องเป็น smartphone ที่ต้องใช้อินเตอร์เน็ตในการใช้งานตลอดเวลา ยกตัวอย่างวิธีการใช้ APP Ling ผ่านใช้มือถือแบบ smartphone โดยเลือก application Ling เลือกเมนู วัดที่ ทำการเปิด GPS และกดพิกัด จากนั้นทำการวาดรูปแปลง 4 มุม กดค่า x,y แล้วลากพิกัด xy ไปที่ี่กลางแปลง กดเครื่องหมายรูปกล้อง กดถ่ายรูปภาพ ก็จะได้ภาพพร้อมระบุค่าพิกัด GPS โซน 47 ค่า x = 618489 y=178987 เกษตรกรปลูกถั่วฝักยาวอายุ 15 วันขึ้นไป ถ่ายภาพ ณ วันที่ 2 ก.พ. 2566
วีดีทัศน์การประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพพร้อมระบุพิกัดค่า GPS ในกระบวนการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ปี 2565
ผู้เขียน/เรียบเรียง นายเผ่าพงษ์ กิ่งกาหลง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ กลุ่มยุทธศาตร์และสารสนเทศ สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร เบอร์โทรศัพท์ 0803421509
Do you mind if I quote a couple of your articles as long as I provide credit and
sources back to your weblog? My blog is in the exact same area of interest as yours
and my visitors would genuinely benefit from some of the information you present here.
Please let me know if this alright with you. Regards!
Hi there friends, its fantastic piece of writing regarding educationand fully defined, keep it up all the time.
943016total visits,408visits today
943016total visits,408visits today
943016total visits,408visits today
18 มี.ค. 62 นายกิตติชาติ ชาติยานนท์ เกษตรจังหวัดพิจิตร มอบหมายให้นายสุชิน ฉิมไทย หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ พร้อมด้วยคณะนิเทศงานตามระบบส่งเสริมการเกษตร นิเทศงานฯสำนักงานเกษตรอำเภอวังทรายพูน โดยมี นางอารีรัตน์ ช่วงโพธิ์ เกษตรอำเภอวังทรายพูน และเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอวังทรายพูน ในประเด็น การจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรระดับตำบลและอำเภอ เพื่อจัดทำโครงการแบบย่อ หรือ project ideas, แผนการฝึกอบรม, แผนการเยี่ยมเยี่ยน, การจัดการข้อมูล, แผนสนับสนุนและแผนนิเทศของอำเภอ ณ สำนักงานเกษตรอำเภอวังทรายพูน
943016total visits,408visits today
สรุป KM วันที่ 14 ม.ค.62 จำนวน 2 เรื่อง ได้แก่ โครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา และโครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลายฤดูนาปรัง ปี 2562
943016total visits,408visits today
หนึ่งความเห็นตอบกลับที่ “KM เรื่อง การบริหารจัดการผลผลิตมะม่วงในรูปแบบประชารัฐในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ปี 2566”
Hmm is anyone else having problems with
the images on this blog loading? I’m trying
to determine if its a problem on my end or if it’s the
blog. Any responses would be greatly appreciated.