ปฏิบัติการสกัดกำจัดใบด่างมันสำปะหลัง

เชื้อสาเหตุ : เกิดจากเชื้อไวรัส Cassava mosaic disease : CMD

 

อาการและความเสียหายของโรคใบด่าง

  •   กรณีนำท่อนพันธุ์ที่เป็นโรคมาปลูก ยอดแตกใหม่แสดงอาการด่างเหลืองชัดเจน ใบมีลักษณะด่าง เหลืองหงิกงอ เสียรูปทรงทั้งต้น ลำต้นแคระแกร็น ไม่เจริญเติบโต มันสำปะหลังไม่สร้างหัวหรือหัวลีบเล็ก หากระบาดรุนแรงผลผลิตจะลดลง 80-100 เปอร์เซ็นต์
  • กรณีติดเชื้อจากแมลงหวี่ขาวยาสูบ ใบล่างปกติ ใบบริเวณยอดมีอาการด่างเหลือง หงิกงอ เสียรูปทรง หากติดเชื้อตั้งแต่มันอายุน้อย ต้นจะแคระแกรนไม่เจริญเติบโต หัวมันลีบเล็ก หากติดเชื้อตอนมันอายุมาก ผลผลิตลดลงประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์

 

การแพร่ระบาด

  1. ใช้ท่อนพันธุ์จากต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรค
  2. แมลงหวี่ขาวยาสูบ นำเชื้อไวรัสมาจากต้นที่เป็นโรคไปสู่ต้นปกติ

 

การป้องกัน/กำจัด

  1. กรณีไม่พบการระบาด สามารถป้องกันได้ดังนี้
    1. ห้ามนำเข้าและสอดส่องการลักลอบนำเข้าท่อนพันธุ์หรือส่วนขยายพันธุ์ของมันสำปะหลังจากต่างประเทศ หากพบเห็นการนำเข้าต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน
    2. ใช้ท่อนพันธุ์ที่ทราบแหล่งที่มา ใช้ท่อนพันธุ์ที่ไม่เคยเป็นโรคมาปลูก หรือใช้ท่อนพันธุ์จากแหล่งพันธุ์ที่มีการรับรอง
    3. หลีกเลี่ยงการปลูกพันธุ์ที่อ่อนแอต่อโรค เช่น พันธุ์ 89 และควรเลือกปลูกพันธุ์ที่มักไม่ค่อนพบการระบาด เช่น เกษตรศาสตร์ 50 หรือ ระยอง 72
    4. หมั่นสำรวจแปลงมันสำปะหลังของตนเองอย่างสม่ำเสมอ  อย่างน้อยทุก 2 สัปดาห์
    5. หากพบต้นมันสำปะหลังที่แสดงอาการใบด่าง ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน
    6. ป้องกันและกำจัดแมลงหวี่ขาวยาสูบในแปลงปลูกมันสำปะหลัง โดยพ่นสารเคมี  ดังนี้
      • อิมิดาโครพริด 70% WG อัตรา 12 กรัมต่อน้ำ20  ลิตร หรือ
      • ไดโนทีฟูแรน 10%SL อัตรา  20 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ
      • ไทอะมีโทแซม 25%  WG อัตรา 12 กรัมต่อน้ำ20  ลิตร
  2. กรณีพบการระบาด ต้องดำเนินการดังนี้
    1. แจ้งเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้านทันที เพื่อตรวจวินิจฉัย
    2. หากพบต้นมันทำปะหลังที่แสดงอาการของโรค ให้ดำเนินการดังนี้
      1. กรณีต้นมันสำปะหลังยังเล็ก ไม่ลงหัว
        1. ให้ถอนต้นมันสำปะหลังที่แสดงอาการของโรคออก
        2. ตัดเป็นท่อนใส่ถุงดำ/กระสอบ และมัดปากถุงให้สนิท
        3. นำไปตากแดดไม่น้อยกว่า 7 วัน หรือจนหว่าต้นมันสำปะหลังจะตาย
      2. กรณีต้นมันสำปะหลังลงหัวแล้ว
        1. ให้ตัดเฉพาะต้นมันสำปะหลัง
        2. ตัดเป็นท่อนใส่ถุงดำ/กระสอบ และมัดปากถุงให้สนิท
        3. นำไปตากแดดไม่น้อยกว่า 7 วัน หรือจนหว่าต้นมันสำปะหลังจะตาย
      3. กรณีที่พบการระบาดของโรคเป็นวงกว้าง จำเป็นต้องถอนทำลายทั้งแปลง
        1. ให้ถอนต้นมันสำปะหลังทั้งหมดในแปลง
        2. นำไปฝังในหลุมลึกไม่น้อยกว่า 2-3 เมตร โดยไม่ให้มีเหง้าหรือเศษซากของต้นมันสำปะหลังหลงเหลืออยู่ในแปลง
        3. ฉีดพ่นต้นมันสำปะหลังดัวยสารกำจัดวัชพืช  อะมีทรีน 80%WG และกลบด้วยดินหนาไม่น้อยกว่า 0.5 เมตร
    3. กำจัดแมลงหวี่ขาวยาสูบในแปลงที่พบอาการใบด่างมันสำปะหลังและแปลงข้างเคียงให้ทั่วต้นมันสำปะหลัง โดยใช้สารเคมีดังนี้
      • อิมิดาโครพริด 70% WG อัตรา 12 กรัมต่อน้ำ20  ลิตร หรือ
      • ไดโนทีฟูแรน 10%SL อัตรา  20 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ
      • ไทอะมีโทแซม 25%  WG อัตรา 12 กรัมต่อน้ำ20  ลิตร
    4. สำรวจติดตามอย่างต่อเนื่องทุก 2 สัปดาห์ หากพบต้นที่แสดงอาการใบด่างให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรทราบทันที

525total visits,1visits today