เกษตรตะพานหินให้บริการเกษตรที่มาขอรับบริการทางการเกษตร

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักงานเกษตรอำเภอตะพานหินให้บริการแก่เกษตรกรที่มาขอรับสารหมักพ.ด ของกรมพัฒนาที่ดิน นำไปหมักฟางข้าวหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว ในฟางข้าวมีธาตุฟอสฟอรัสสูงมาก เป็นประโยชน์ต่อดิน โดยมีวิธีการทำดังนี้

1. นำฟางมาหมักกลบกับดิน แล้วใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายเข้าไป

2. การใส่จุลินทรีย์เข้าไปย่อยสลาย ใช้สาร พ.ด จากกรมพัฒนาที่ดิน หรือจะหมักเองจากจุลินทรีย์หน่อกล้วยก็ได้ เพราะในหน่อกล้วยมีกลุ่มจุลินทรีย์ที่โคนกล้วยอยู่แล้วเพราะมีความชื้น จุลินทรีย์ชอบเกาะกลุ่มอยู่ ก็นำมาขยายเชื้อ โดยการใช้กากน้ำตาลผสมกับหน่อกล้วยสับ แล้วก็หมักทิ้งไว้ 7 วัน หลังจากนั้นก็นำมาบีบให้เกิดหัวเชื้อ จะได้หัวเชื้อจุลินทรีย์หน่อกล้วย หลังจากนั้นก็นำไปใส่กับน้ำเปล่าแล้วเติมกากน้ำตาลลงไป คนทุกวัน ทิ้งไว้ประมาณ 5 วัน แล้วก็นำไปปล่อยในแปลงนา

3. เวลานำไปปล่อยในแปลงนา คนปล่อยไม่จำเป็นต้องเดินเข้าไปในนา เพราะเราต้องปล่อยน้ำเข้านาอยู่แล้ว ให้ใส่สายยางตั้งถังไว้ แล้วก็หยดลงไปเพียงแค่นั้น น้ำไปถึงไหนจุลินทรีย์ก็วิ่งตามไปถึงนั่นเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องเดินให้เหนื่อย นี่เป็นเทคนิคง่ายๆ

4. การใส่จุลินทรีย์ ไม่จำเป็นต้องวัดอัตราส่วนก็ได้ ยิ่งใส่มากก็ยิ่งสลายเร็ว การหมักจุลินทรีย์กลุ่มนี้จะไปย่อยสลายฟาง เศษวัสดุต่างๆ ที่อยู่ในนาที่เป็นอินทรีย์วัตถุให้กลายเป็นฮิวมัสและเป็นอาหารพืชต่อไป ควรหมักไว้ไม่ต่ำกว่า 7 วัน เพื่อให้คายก๊าซ เพราะในฟางข้าวเกิดการทับถมกันอยู่ในดิน จะเกิดก๊าซ มีความร้อน ถ้าก๊าซคายไม่หมดจะทำให้ข้าวต้นเหลืองแห้ง ถ้าเราหว่านข้าวไปแล้วก๊าซไม่หมดแล้วต้นข้าวเหลือง ให้แก้โดยวิธีปล่อยน้ำออกให้แห้ง ให้ดินแตกเป็นหัวระแหงออกมา ให้อากาศเข้าไปถ่ายเทดูดก๊าซออกมาได้ นี่คือวิธีง่ายๆ

การหมักฟางจะทำให้เราประหยัดต้นทุนเรื่องปุ๋ย โดยเฉพาะสารอาหารที่ได้จากฟางนั้น จะได้ทั้งฟอสฟอรัสและโปแตสเซียม ธาตุอาหารฟอสฟอรัสจะช่วยในการทำให้ข้าวแข็งแรง และป้องกันโรค ส่วนโปแตสเซียมจะช่วยในการสร้างรวง และสร้างแป้งให้ข้าว ซึ่งสองแร่ธาตุนี้มีอยู่แล้วในฟางข้าว เขาจึงใช้ฟางข้าวให้เกิดประโยชน์สูงสุด